ปวีณา” จี้คดี เด็กหญิงนักชกรุ่นเยาว์ อายุ 12 ปี 2 คน แชมป์เปี้ยนรายการชกมวยดัง ถูก “ครูฝึกเจ้าของค่ายมวย” ใช้อาวุธปืนข่มขู่ขยี้กามมานานร่วมปี
ลั่น! จะยิงทิ้งถ้าไปบอกใคร เด็กกลัวตายและกลัวไม่ได้ชกมวยอีกจึงเก็บเป็นความลับเครียดจัดถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย ยาย ร้อง ปวีณา ให้เร่งคดีจับกุมเจ้าของค่ายมวย เด็กเรียกร้องขอให้ติดคุกตลอดชีวิต และยังมีเด็กหญิงอีกหลายคนทั้งที่อยู่ในค่ายและเลิกฝึกชกมวยไปแล้วถูกข่มขืนด้วยแต่ไม่กล้าแจ้งความ วันนี้ ปวีณา เดินทางไปประชุมกับพ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก. สภ.เมืองสมุทรสาคร เร่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ และจับกุมครูฝึกมวยหื่นรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว ถือเป็นภัยร้ายแรงของเด็กและเยาวชน
จ.สมุทรสาคร วันที่ 28 ก.พ.67 เวลา 14.30 น. ที่สภ.เมืองสมุทรสาคร นางปวีณา หงสกุลประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางพาแม่และยาย 2 เด็กหญิงอายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ไปพบกับ พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาครเพื่อประชุมและติดตามคดี นายใหญ่ (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี เป็นเจ้าของค่ายมวยและเป็นครูฝึกมวย แห่งหนึ่งในจ.สมุทรสาคร และเป็นอดีตตำรวจบ้าน ข่มขืนกระชำเรา 2 เด็กหญิง ซึ่งเป็นนักชกมวยรุ่นเยาว์ในค่ายหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 66 จนถึงเดือนก.พ.67 ซึ่งแม่และยาย 2 เด็กหญิงได้แจ้งความไว้แล้ว ตำรวจส่งเด็กทั้ง 2 ไปตรวจร่างกาย สอบสหวิชาชีพแล้ว ขณะนี้เจ้าของค่ายมวยหนีไป แม่และยายจึงมาร้องปวีณาฯเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่ได้รับความปลอดภัย
สืบเนื่องจากวานนี้ 27 ก.พ.67 แม่และยาย 2 ครอบครัว พาด.ญ.เอ และด.ญ.บี อายุ 12 ปีเท่ากัน แต่เรียนชั้นป.6 คนละโรงเรียน (ทั้งสองนามสมมุติ) เดินทางจากจ.สมุทรสาครเข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า ขอความช่วยเหลือติดตามคดี นายใหญ่ (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี เป็นเจ้าของค่ายมวยและเป็นครูฝึกมวยแห่งหนึ่งในจ.สมุทรสาคร ใช้ปืนข่มขู่บังคับข่มขืนกระชำเราลูกและหลานสาวทั้ง 2 คนขอช่วยติดตามคดีให้ครูฝึกมวยหื่นรายนี้มารับโทษตามกฎหมาย
ยาย ด.ญ.เอ เล่าทั้งน้ำตาว่า ยายเลี้ยงหลานมาตั้งแต่เกิด เพราะแม่เด็กต้องไปทำงานหลานชื่นชอบการชกมวยมากเพราะจะได้ฝึกป้องกันตัว ซึ่งค่ายมวยของนายใหญ่ ผู้ก่อเหตุ อยู่ไม่ไกลจากบ้าน ยายจึงให้หลานไปเรียนตั้งแต่ป.1 อายุ 7 ขวบ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5 ปี ที่ค่ายมวยจะมีเด็กและเยาวชนทั้งชายและหญิงประมาณ 10 กว่าคน เป็นเด็กหญิงอายุ 12 ปี จำนวน 3 คน คือด.ญ.เอ, ด.ญ.บี, ด.ญ.ซี ตอนแรกยายจ่ายค่าเรียนชกมวยให้ครูวันละ 100 บาท พอเด็กเก่งขึ้นครูก็พาไปชกตามที่ต่างๆ ครูก็ไม่เก็บค่าสอนแล้ว เพราะเวลาได้เงินรางวัลครูก็หักค่าฝึกซ้อมในค่ายมวย ส่วนที่เหลือก็จะให้เด็กบ้างครั้งละประมาณ 400-500 บาท
หลานไปแข่งขันตามที่ต่างๆ ตั้งแต่ 8-9 ขวบ มีชนะบ้าง แพ้บ้าง และก็ได้เป็นแชมป์หลายรายการ ตอนหลานอายุ 11 ปี มีครั้งหนึ่งได้ไปแข่งในรายการที่ “รถถัง จิตเมืองนนท์” นักชกมวยไทยชื่อดังจัดขึ้น เป็นรุ่นของเด็กและเยาวชน หลานได้ขึ้นชกกับนักชกเด็กหญิงชาวจีน ชนะได้ถ้วยรางวัล “นักชกดุเดือด”
ที่ผ่านมาหลานเป็นคนที่ขยันฝึกซ้อมมวยและตั้งใจเรียน แต่จู่ๆ วันที่ 28 ม.ค.67 หลานก็พูดขึ้นมาว่า “หนูอยากตายแล้วไปเกิดใหม่” ยายตกใจมากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหลานแต่หลานก็ไม่ยอมบอก จนกระทั่งวันที่ 31 ม.ค.67 ตอนเย็นยายไปรับหลานที่ค่ายมวยวันนั้นเป็นวันที่ครูจ่ายเงินค่าชกมวยให้กับเด็กๆ มีด.ญ.ซี อายุ 12 ปี ที่ซ้อมมวยรุ่นเดียวกับหลาน วิ่งมาบอกยายว่า “ยายรู้มั้ยว่ามีไอ้เฒ่าในค่ายมันตอกพวกหนู” ยายจึงถามจนเข้าใจว่า “ตอก” ตามประสาที่เด็กในค่ายมวยคุยกัน คือ “ข่มขืน/การมีเพศสัมพันธ์”
จากนั้นยายจึงได้ถามด.ญ.เอ หลานสาวบอกว่าถูก นายใหญ่ ครูฝึกมวย ข่มขืนตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย.66 เรื่อยมา ล่าสุดช่วงเดือนช่วงเดือนม.ค.67 โดยถูกกระทำที่บ้านครูฝึกมวย และที่ห้องพักนักมวย ในค่ายมวยที่ฝึกเวลาที่ไม่มีใครอยู่ เด็กไม่กล้าขัดขืนเพราะก่อนจะลงมือข่มขืนนายใหญ่จะวางปืนไว้ให้เด็กเห็นจนเกิดความกลัว หลังข่มขืนเสร็จนายใหญ่ก็ข่มขู่ว่า “ถ้าไปบอกใครกูจะยิงมึงให้ตาย”
ที่ผ่านมาหลานไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวนายใหญ่ และกลัวจะไม่ได้ชกมวยอีก แต่ก็สุดจะทนแล้วจึงได้นำเรื่องไปคุยกับ ด.ญ.บี และด.ญ.ซี จึงรู้ว่าทั้งสองคนก็ถูกนายใหญ่ข่มขืนด้วย เด็กๆ ไม่อยากทนทุกข์อีกต่อไปจึงตัดสินใจบอกยายและพ่อแม่ในวันที่ไปรับที่ค่ายมวยเย็นวันที่ 31 ม.ค.67 เด็กๆ ยังบอกอีกว่า นายใหญ่ ครูฝึกมวย เป็นคนดุมากเวลาเด็กทำไม่ถูกใจก็จะทำร้ายเด็กโดยการตบ เตะ และชอบพกอาวุธปืน เอาปืนมาเช็ดถือปืนให้เด็กๆในค่ายมวยเห็นทุกคนจึงกลัวนายใหญ่มาก
“วันนั้นหลังรู้เรื่องยายและแม่ด.ญ.เอ กับด.ญ.บี รู้เรื่องลูกหลานถูกข่มขืน จึงได้ต่อว่านายใหญ่ ครูฝึกมวย และนายใหญ่ก็ได้ขับรถหลบหนีออกไปจากค่ายมวยทันที ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่กลับมา ส่วนลูกสาวนายใหญ่ ที่เป็นครูฝึกมวยด้วย ก็ข่มขู่ผู้ปกครองด้วยว่า“ถ้าเด็กคนไหนย้ายค่ายมวยก็จะฟ้องให้หมด” จากนั้นยาย ด.ญ.เอ กับแม่ ด.ญ.บี ตกลงพากันเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ตำรวจส่งเด็กทั้งสองไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และสอบสหวิชาชีพแล้ว
ยาย ด.ญ.เอ กับแม่ ด.ญ.บี จึงตัดสินใจพาเด็กทั้งสองมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี นอกจากนี้ ยาย ด.ญ.เอ กับแม่ ด.ญ.บี ยังทราบว่ามีเด็กหญิงที่เคยฝึกซ้อมมวยที่ค่ายนี้ถูกนายใหญ่ข่มขืนอีกหลายรายแต่ไม่กล้าแจ้งความ ยายต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และไม่อยากให้เด็กหญิงคนอื่นๆ ตกเป็นเป็นเหยื่อครูฝึกมวยหื่นรายนี้อีก อยากให้ตำรวจจับกุม นายใหญ่ มาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะเด็กๆ กลัวนายใหญ่ที่มีอาวุธปืนข่มขู่จะฆ่า และนายใหญ่ยังเคยเคยเป็นตำรวจบ้านมาก่อนเกรงครอบครัวเกรงจะไม่ปลอดภัย”
ด้านแม่ของด.ญ.บี กล่าวว่า บ้านของตนอยู่ใกล้ค่ายมวยของนายใหญ่ และตนมีหลานชายไปฝึกมวยที่ค่ายตั้งแต่เล็กๆ ด.ญ.บี ลูกสาวได้ตามไปดูด้วยแล้วเกิดความชื่นชอบอยากจะชกมวยบ้าง ตนจึงให้ด.ญ.บี เรียนชกมวยที่ค่ายมวยของนายใหญ่ตั้งแต่เรียนอยู่ป.3 ช่วงแรกค่าเรียนวันละ 20 บาท จากนั้นพอเด็กเก่งได้ออกไปแข่งขันก็ไม่ต้องเสียค่าเรียน แต่พอชกชนะทางค่ายก็จะหักเงินรางวัลบางส่วน ที่เหลือก็ให้เด็กบ้างครั้งละประมาณ 400-500 บาท
“แม่มารู้เรื่องลูกถูกนายใหญ่ข่มขืนพร้อมกับ ยายของด.ญ.เอ และแม่ ด.ญ.บี วันที่ 31 ม.ค.67 จึงตกลงพร้อมใจกันเข้าแจ้งความ ด.ญ.บี เล่าให้แม่ฟังว่า ถูกนายใหญ่ข่มขืนตั้งแต่เดือนมิ.ย.66 ถูกกระทำเรื่อยมาเดือนละ 2-3 ครั้ง ที่บ้านพักของนายใหญ่ และที่ห้องพักนักมวยในค่ายมวยนายใหญ่เวลาที่ไม่มีใครอยู่ และมีบางครั้งที่นายใหญ่พาเด็กไปทำกิจกรรมข้างนอกแล้วก็จะเรียกด.ญ.บี ออกไปข้างนอกด้วย โดยบอกกับทุกคนว่า จะไปซื้อกับข้าวให้ด.ญ.บีไปช่วยถือของ ทุกคนในค่ายก็ไม่มีใครกล้าขัดขืนเพราะกลัวนายใหญ่ ล่าสุดลูกถูกกระทำวันที่ 28 ม.ค.67
ที่ผ่านมาลูกไม่กล้าบอกแม่เพราะเวลาที่นายใหญ่กระทำ บางครั้งก็จะเอาปืนมาวางให้เห็น และข่มขู่ว่า “ถ้าไปบอกใครกูจะยิงมึงให้ตาย” และลูกยังกลัวว่าแม่และยายที่พิการจะกลุ้มใจจึงไม่กล้าบอก แต่เด็กก็ทนไม่ไหวมาคุยกับเพื่อเด็กผู้หญิงในค่ายแล้วจึงตัดสินใจบอกเรื่องทั้งหมดกับแม่ในวันที่ไปรับลูกตอนเย็นวันที่ 31 ม.ค.67
“แม่และยายอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายใหญ่โดยเร็ว เพราะเด็กๆ อยู่กันอย่างหวาดผวา และเกรงกลัวครอบครัวจะไม่ปลอดภัย เด็กๆ บอกว่า อยากให้ครูฝึกมวยหื่นคนนี้ติดคุกไปตลอดชีวิต” กับสิ่งที่ทำให้มีตราบาป และไม่อยากให้ไปทำกับใครอีก แม่จึงมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี ให้ได้รับความเป็นธรรม และกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย
หลังรับเรื่อง วันที่ 27 ก.พ.67 นางปวีณา หงสกุล ได้เดินทางพาแม่และยายไปประชุมกับพ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร เร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายใหญ่ ครูฝึกมวยและเจ้าของค่ายมวยรายนี้โดยเร็ว และให้ความปลอดภัยกับ 2 ครอบครัวนี้ นางปวีณา กล่าวว่า ถือเป็นภัยร้ายร้ายแรงกับเด็กและเยาวชน โดยจะประสานตำรวจดำเนินคดีจับกุมเจ้าของค่ายมวยและเป็นครูฝึกมวยอย่างรวดเร็ว มูลนิธิปวีณาฯ จะประสาน พม. จ.สมุทรสาคร ร่วมกันในการเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กผู้เสียหายทั้ง 2 ครอบครัวนี้ มูลนิธิปวีณาฯจะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และจะประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อให้เหยื่อ 2 ครอบครัวนี้ได้รับเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดี และหากมีเด็กๆ ผู้เสียหายรายใดต้องการความช่วยเหลือให้ติดต่อมายังมูลนิธิปวีณาฯ โทร. 1134 และ 081-8901355 ,098-4788991 ,081-8140244 มูลนิธิปวีณาฯ จะให้ความเป็นธรรมและให้การช่วยเหลือเต็มที่.
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า ล่าสุดวันนี้28 ก.พ. 67 เวลา 11.00 น. ตำรวจได้ออกหมายจับ เจ้าของค่ายมวยและเป็นครูฝึกมวยแล้ว และจะติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว