ศาสนา-ศิลปวัฒนธรรม

คณะธรรมยาตราครั้งที่ 4 นำไทม์แคปซูล “ประกาศศตวรรษแห่งธรรม”ไปยังวัดนากา บ้านเกิดนายกฯอินเดีย

คณะธรรมยาตรา ครั้งที่ 4 นำไทม์แคปซูล “ประกาศศตวรรษแห่งธรรม” 1 ใน 3 ชิ้น ไปยัง วัดนากา รัฐคุชราต วัดในพื้นที่บ้านเกิดของนายกรัฐมนตรีอินเดีย พร้อมชมโบราณสถานเก่าแก่อายุกว่า 2,000 ปี

คณะธรรมยาตราครั้งที่ 4 ลุ่มน้ำโขง สู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ แดนพุทธภูมิ สาธารณรัฐอินเดีย นำโดย ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ,พระอุปติสสะเถโร ประธานมหาโพธิสมาคม แห่งศรีลังกา และคณะกรรมการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ประกอบด้วย นายอภัย จันทนจุลกะ,นายเกษม มูลจันทร์,นายสุรพล มณีพงษ์,นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี,ดร.อัจฉราวดี แมนชาติ,นางสาวตวงพร อัศววิไล,นางสาวภัทชา ณิลังโส,นางสาวอันนา สุขสุกรี และคณะอาจารย์จากศูนย์ศึกษาอินเดีย มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เดินทางไปยังวัดนากา โดยมีนาย Ojas Hirani สถาปนิกที่มีชื่อเสียงของเมืองอัห์มดาบาด ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อความยั่งยืนและพัฒนา รัฐคุชราต ให้การต้อนรับและพาชมโบราณสถาน อายุกว่า 2,000 ปีที่ขุดค้นพบอย่างต่อเนื่องในหลายยุคสมัย

วัดนากาเป็นโบราณสถานสำคัญในรัฐคุชราต ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโบราณโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ จุดที่ได้รับความสนใจ คือร่องรอยของสถูปโบราณที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่ง ดร.สุภชัย และคณะได้นำไทม์แคปซูล หรือแคปซูลแห่งกาลเวลา ภายในบรรจุสาส์นประกาศศตวรรษแห่งธรรม 1ใน 3 ชิ้น ที่จะนำมาฝังในบริเวณวัดนากา พื้นที่บ้านเกิดของ นายนเรนทรา โมดี้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ไปยังบริเวณสถูปโบราณและร่วมกันสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

วัดนากายังมีความสำคัญเพราะมีความเชื่อว่าพระถัง ซัมจั๋ง ได้เดินทางจากประเทศจีนมายังอินเดีย ในศตวรรษที่ 7 เพื่อศึกษาและรวบรวมคัมภีร์ในพุทธศาสนา และยังขุดค้นพบโบราณวัตถุต่างๆ อาทิ ตราประทับดินเผา ,เครื่องปั้นดินเผา, เหรียญตราจักรพรรดิ,ลูกปัด เป็นต้น

อีกหนึ่งสถานที่สำคัญคือการเข้าชมศูนย์การเรียนรู้ Predana ในรัฐคุชราต ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ของ นายนเรนทรา โมดี้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ผ่านการพัฒนาการศึกษา เทคโนโลยีและวัฒนธรรม ซึ่งศูนย์การเรียนรู้มุ่งเน้นการศึกษาให้กับเยาวชนและประชาชนในชนบท เน้นทักษะด้านการเกษตร และเทคโนโลยีพื้นฐาน เพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตในพื้นที่ชนบท

นาย Ojas Hirani ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อความยั่งยืนและพัฒนา รัฐคุชราต ยังได้นำคณะธรรมยาตราไปยัง Dev Ni Mori อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีการค้นพบเมืองโบราณใต้แม่น้ำ Meeshwo ซึ่งเมืองนี้มีความเชื่อมโยงกับ ศาสนาฮินดู และ พุทธศาสนา อารยธรรมในอดีตที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี และ Dev Ni Mori ยังเป็นสถานที่ตั้งของสถูปพุทธ ที่มีการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุไว้ในผอบหิน จึงสันนิษฐานว่าที่นี่อาจเคยเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งในยุคราชวงศ์คุปตะ ประมาณศตวรรษที่ 4-6

ส่วนการก่อสร้างและพัฒนา Dev Ni Moriให้เป็นศูนย์กลางด้านศาสนา วัฒนธรรมและการเรียนรู้ เช่น การสร้างศูนย์การเรียนรู้และปฏิบัติธรรม การสร้างวัดและสถูปใหม่ การอนุรักษ์พื้นที่โบราณคดี การพัฒนาและอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายเชื่อมโยงเส้นทางสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น พุทธคยา ราชคฤห์ และสารนาถ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี้ ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์มรดกทางศาสนาของอินเดีย

คณะธรรมยาตรายังเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัด Shamlaji ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Dev Ni Mori วัดแห่งนี้สะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวฮินดู ที่มีความหลากหลายทั้งพุทธและฮินดู สะท้อนให้เห็นการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของสองศาสนา โดยพระกฤษณะ เป็นที่เคารพ ศรัทธาในอินเดีย โดยเฉพาะรัฐคุชราต ที่เชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของพระกฤษณะ ในเมืองทวารกา

สิ่งที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้คือ Shamlaji Museum รวบรวมโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู และศาสนาพุธ ในยุคคุปตะ มีการจัดแสดงรูปแกะสลัก รูปปั้นโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ในยุคโบราณ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ โดยสถานที่สำคัญทั้งหมดเหล่านี้จะอยู่ในแผนการพัฒนาของ Dev Ni Mori เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางพุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมนานาชาติ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า