ไทย-อินเดีย ร่วมประกาศศตวรรษแห่งธรรม ฝังแคปซูลแห่งกาลเวลา
สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 และภาคีเครือข่ายในสาธารณรัฐอินเดีย ร่วมกันประกาศศตวรรษแห่งธรรม ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ ใช้หลักธรรมเชื่อมความร่วมมือองค์กรศาสนิกสัมพันธ์ทั่วโลก ทุกศาสนา เพื่อให้เกิดสันติสุขและสันติภาพ พร้อมเตรียมฝังแคปซูลแห่งกาลเวลา เพื่อส่งสารถึงคนในอนาคตในอีก 234 ปีข้างหน้า
พุทธศาสนิกชนไทย ชาวอินเดีย และชาวศรีลังกา ร่วมขบวนแห่ แคปซูลแห่งกาลเวลา ของสถาบันสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ออกจากวัดไทยพุทธคยา มุ่งหน้าไปยังมหาเจดีย์พุทธคยา เพื่อรวมตัวกันใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ รำลึกถึงวาระครบรอบ 97 ปี วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 วันที่ 5 ธันวาคม 2567 และปีที่ 72 แห่งพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ในโอกาสนี้ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย Mrs. Wangmo Dixey,Executive Director ,Dharma College., Mr. Thirapath Mongkolnavin ,Minister ,Royal Thai
Embassey,NewDelhi.,Ven.BanagalaUpatissa ,President,MahaBodhi Society of SriLanka. Dr.Shashibala ,President,International Center for Cultural Studies (ICCS),India., Vivekananda International Foundation (VIF),India , Most Venerable Pelwatte Seevali Mahathera ,General Secretary ,MahaBodhi Society of India., Ven. Bhikkhu Pragyadeep General Secretary,International Buddhist Council of Bodhgaya ( IBC Bodhgaya), Most Venerable Jangchup
Choeden,SecretaryGeneral,International Buddhist Confederation (IBC), Dr.(Smt) Mahashweta Maharathi ,Member Secretary,Bodhgaya Temple Management Committee (BTMC), International Tripitaka Chanting Council (ITCC) ,ศูนย์ศึกษาอินเดีย มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และมูลนิธิวีระภุชงค์ ได้ร่วมกันประกาศศตวรรษแห่งธรรม
โดย ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 แถลงถึงความมุ่งมั่นในการเริ่มต้น“ประกาศศตวรรษแห่งธรรม”ให้เป็นจริง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในปี 2558 ของ“นายนเรนทรา โมดี ”นายกรัฐมนตรีอินเดีย ซึ่งระบุว่า “ศตวรรษแห่ง
เอเชีย”จะเกิดขึ้นได้ เมื่อประชาชนในทวีปเอเชียถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ด้วยหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิสัยทัศน์นี้ไม่ได้จำกัดเพียงหลักธรรมของพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงทุกศาสนา ปรัชญา และวัฒนธรรมทั่วโลก
“ศตวรรษแห่งธรรม”มิใช่เพียงหมุดหมายทางกาลเวลา แต่เป็นศตวรรษที่มนุษยชาติ ซึ่งไม่มีข้อจำกัดด้านภูมิหลังทางศาสนามารวมตัวกันเพื่อสร้างยุคใหม่แห่งสันติภาพ โดยมีธรรมะเป็นที่ตั้ง และบรรลุด้วยหลัก“ธรรมวิชัย“หมายถึง“ชัยชนะของธรรมะต่อความแตกแยกในภูมิภาคต่างๆของโลก
”ธรรมวิชัย“มีรากฐานจาก”พระเจ้าอโศกมหาราช“ ผู้ทรงเปลี่ยนจากการเป็นผู้พิชิตมาเป็นผู้นำแห่งสันติภาพด้วยธรรมะ มรดกของพระเจ้าอโศกเป็นเครื่องเตือนใจว่า ชัยชนะที่แท้จริงคือ การชนะใจและสร้างความปรองดองผ่านหลักธรรมะ อนี่งในหลวงรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ได้สานต่อแนวคิดของพระเจ้าอโศกมหาราชด้วยการมีปฐมบรมราชโองการว่า ”เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม“
เหตุผลเบื้องหลังการสร้าง”ศตวรรษแห่งธรรม“เป็นการหาทางออกจากความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันบัน ความขัดแย้งทางอาวุธ ความแตกแยกในสังคม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การทำลายสิ่งแวดล้อม คำสอนแห่งธรรมะจะเป็นหลักการที่ช่วยเยียวยาความแตกแยกและนำพามวลมนุษยชาติไปสู่การปรองดองและสันติภาพ
เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 จึงขอเสนอแนวทางยุทธวิธี ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลักคือ การปฏิบัติสมาธิ การพัฒนาปัญญา และการปฏิบัติอริยมรรค
ไฮไลท์สำคัญนอกจาก“การประกาศศตวรรษแห่งธรรม”คือการฝัง”ไทม์แคปซูล“ หรือ ”แคปซูลแห่งกาลเวลา“ซึ่งบรรจุคำประกาศศตวรรษแห่งธรรม สาส์นจากเลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ถึงผู้อ่านในอนาคตอีก 234 ปีข้างหน้า โดย”ไทม์แคปซูล“จะนำไปฝังในสถานที่ 3 แห่ง จุดแรกคือ เมืองคยา สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ จุดที่สองคือรัฐคุชราต บ้านเกิดของนายกรัฐมนตรีอินเดีย และจุดที่สาม คือวัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฏ์ ราชวรมหาวิหาร ประเทศไทย
บรรยากาศของการประกาศศตวรรษแห่งธรรมภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เปรียบเหมือนการนำธรรมะจากดินแดนสุวรรณภูมิกลับคืนสู่แดนพุทธภูมิ และมีกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์คือการจุดเทียนส่งต่อกัน เสมือนแสงสว่างแห่งธรรมที่แผ่กระจายไปทั่วโลก โดยมิได้จำกัดอยู่เพียงพุทธศาสนา แต่เป็นสัจธรรมที่เข้าถึงได้ทุกชนชาติ ศาสนา เป็นแสงสว่างทางปัญญา และความเมตตาที่นำไปสู่สันติสุขร่วมกันของมวลมนุษยชาติ
