ปฏิญญากรุงเทพฯ ครั้งที่ ๑๘ การประชุมวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก
พุทธปัญญาในการจัดการวิกฤติการณ์โลก
ระหว่างวันที่ ๑ – ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖/ค.ศ.๒๐๒๓
ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยาและศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯประเทศไทย
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ผู้แทน ๓๔ ประเทศ ริเริ่มโดยประเทศศรีลังกา ได้เสนอต่อที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ ให้วันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนพฤษภาคมเป็นวันสำคัญสากลของโลก และขอให้มีการจัดงานฉลองที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและสำนักงานประจำภูมิภาคต่างๆ
ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้มีมติรับรองตามนั้น (ในสมัยที่ ๕๔ วาระที่ ๑๗๔) ดังนั้น วันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก จึงได้ก่อกำเนิดขึ้นในปี ๒๕๔๓ ด้วยความร่วมมือของชาวพุทธทุกนิกาย
เพื่ออนุวัตรตามมติที่ประชุมสหประชาชาติ พวกเราจาก ๖๕ ประเทศและภูมิภาค จึงได้มาร่วมกันฉลองวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ระหว่างวันที่ ๑ – ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖/ค.ศ. ๒๐๒๓ ตามประเพณีหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะมีอุปสรรคขัดขวางในช่วงโควิดระบาดก็ตาม การประชุมครั้งนี้ จัดโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และรัฐบาลไทย ภายใต้คำแนะนำของสภาสากลวันวิสาขาบูชา สมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานาชาติ และได้รับการสนับสนุนจากมหาเถรสมาคมแห่งประเทศไทยและขอบันทึกความชื่นชมยินดีอย่างสูงต่อ ฯพณฯ ดิเนศ คุณวัฒนะ นายกรัฐมนตรีประเทศศรีลังกา ที่แสดงปาฐกถาพิเศษเสนอข้อวิเคราะห์วิกฤติการณ์โลกที่มีลักษณะซับซ้อน ย้ำถึงสิ่งท้าทายภายหลังโรคโควิดในการป้องกันโรคระบาด จนถึงภาวะโลกร้อนและความขาดแคลนที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องใช้พุทธปัญญาเรื่องปฏิจจสมุปบาท ดังที่ปรากฏอยู่ในเรื่องมัชฌิมาปฏิปทา กุสโลบาย และกรุณาที่ประกอบด้วยสติอันจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องทั่วทุกภาคส่วนสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในการประชุม ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อยพระนครศรีอยุธยา และศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ พวกเราได้พิจารณาเรื่อง“พุทธปัญญาในการจัดการวิกฤติการณ์โลก” โดยใช้ข้อคิดเห็นและแนวทางจากประเพณีปฏิบัติที่แตกต่างกัน ในที่สุดแห่งการฉลองและการประชุมที่ประสบผลสำเร็จพวกเราได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า
1.โดยตระหนักถึงลักษณะความขัดแย้งในโลกว่ามีหลายมิติ เช่น บทบาทในสังคมความเกี่ยวพันกันของความรับผิดชอบในสังคมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ จึงกระตุ้นรัฐบาลในโลกให้พิจารณาหาแนวทางที่ใช้ปฏิบัติได้และส่งเสริมให้ตระหนักถึงหลักปฏิจจสมุปบาทในการช่วยยุติความขัดแย้งทางสังคมและการเมืองในโลก โดยเฉพาะชาวพุทธโลกควรหาทางส่งเสริมสันติภาพและความสมานฉันท์ทั่วทั้งโลก โดยใช้พุทธธรรมเรื่องอภัย อหิงสา เมตตาและขันติ รวมทั้งการทำงานอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยในการปรับท่าที่ของคนผู้ถูกความโลภ ความโกรธ และความหลงครอบงำ เพื่อสร้างสังคมแห่งกุศลธรรมสำหรับมนุษยชาติ
2. เพื่อส่งเสริมสันติภาพภายในจิตใจของแต่ละคน โดยนำหลักสติปัฏฐานไปปฏิบัติกันทั่วทั้งโลก และใช้เป็นธรรมโอสถสำหรับทุกคน
3. เพื่อคงแนวคิดแบบมองโลกแง่ดีว่า ปัญหาในโลกถึงยากที่จะแก้ไขแต่ก็ไม่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากโดยธรรชาติ แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนเรามองหาวิธีแก้ไขปัญหาผิดที่ผิดทางต่างหาก พระพุทธศาสนาสอนให้มองข้ามเป้าหมายของการแก้ปัญหาแบบเพ้อฝันและแนะให้คนเราอยู่กับแนวปฏิบัติที่เป็นไปได้และดำรงอยู่บนฐานของความเข้าใจเกี่ยวกับอนิจจตาคือความไม่แน่นอน
4. เพื่อตัดสินใจเพิ่มความพยายามยิ่งขึ้นในการสร้างสันติภาพโลก โดยอาศัยการยกระดับการรับรู้ถึงข้อจำกัดที่ว่าสิ่งทั้งหลายต่างอิงอาศัยกันและกันเกิดขึ้น เข้าใจสมุฏฐานของความรุนแรง และรับทราบปัญหาอันเนื่องมาจากความเห็นแก่ตัว
5. เพื่อปลูกฝังคุณค่าแห่งการยอมรับและเคารพลัทธิศาสนาอื่น ในฐานะเป็นขั้นตอนที่จำเป็นต่อความสามัคคีของคนในสังคม และการพัฒนาเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันโดยไม่ติดใจเรื่องความแตกต่าง และถึงจะแม้แตกต่าง แต่ก็ยังมีความเข้าใจและเคารพกัน
6. เพื่อกำหนดรู้ความทุกข์อันลึกซึ้งที่เกิดจากการใช้อาวุธสร้างความขัดแย้งและที่เกิดจากวิกฤติการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก มีผลกระทบทั้งทางกายและทางจิตใจและเพื่อกระตุ้นชาวพุทธจากทุกภาคส่วนให้ลงมือเผยแผ่พุทธธรรมสำหรับเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นตามวิถีของการฟื้นฟู โดยกำจัดความขาดแคลนด้วยกรุณาและกำจัดความวุ่นวายในสังคมด้วยปัญญา
7. เพื่อส่งเสริมความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ รวมทั้งสัตว์ พืช ที่มีชีวิตสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างแน่นแฟ้น ซึ่งมีความสัมพันธ์กันโดยตรงมากกว่าที่เราเคยทราบกันมาก่อน
8. เพื่อส่งเสริมการสนองตอบอย่างตื่นรู้ร่วมกันต่อวิกฤติการณ์ทางนิเวศวิทยา และความเสื่อมโทรมของสภาพอากาศ โดยใช้หลักคำสอนเรื่องอหิงสาและกรุณา ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่กับเทคโนโลยีในการลดแก๊สคาร์บอน
9. ตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิตในช่วงที่มีโรคระบาด จึงเน้นย้ำหลักการอิงอาศัยกันและกันของการดูแลรักษาทางด้านจิตใจและการช่วยเหลือทางด้านวัตถุด้วยมนุษยธรรม รวมทั้งการใช้วิธีการด้านเศรษฐกิจในโลกหลังโควิด
10. เพื่อแสดงความเห็นชอบอย่างยิ่งต่อโครงการแปลพระไตรปิฎกภาษาบาลีเป็นภาษาอังกฤษ ที่ริเริ่มโดยมหาเถรสมาคมแห่งประเทศไทย และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐
ในที่สุดนี้ ขออนุโมทนาขอบใจผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และหวังว่าพวกเราจะทำงานกันหนักก่อนการประชุมวันวิสาขบูชาครั้งต่อไป
ปฏิญญากรุงเทพฯ เนื่องในวันวิสาขบูชานานาชาติ ครั้งที่ ๑๘ ประกาศ ณ วันที่ ๒มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖