สันติ”ลุยพื้นที่โครงการท่อส่งน้ําอีอีซี ระยอง-ชลบุรี 5 จุด
เผยเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์เพิ่งพบจุดต่อเชื่อมท่อก่อน ส่งน้ําดิบผ่านมิเตอร์ให้ลูกค้า ตั้งข้อสงสัยจ่ายผลประโยชน์ให้รัฐถูกต้องหรือไม่ รมช.คลังจี้ให้ตรวจสอบ”อีสต์วอ เตอร์”ย้อนหลัง ผู้บริหาร”อีสต์ฯ”ยันจะส่งมอบทรัพย์สินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางพร้อม นายจําเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์และคณะ ไปยังพื้นที่โครงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ําสายหลักในภาค ตะวันออก จังหวัดระยองและชลบุรี รวม 5จุด เพอื่ ตรวจสอบรายการทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง หลังจากกรมธนารักษ์เซ็นสัญญากับบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จํากัดซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลมูลค่า 25,000ล้านบาทตั้งแต่วันที่ 23กันยายน 2565
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสันติเดินทางไปยังจุดแรกที่สถานีสูบน้ําดิบหนองปลาไหลจ.ระยอง พื้นที่ดังกล่าวบริษัทอีสต์ วอเตอร์ ผู้บริหารโครงการฯรายเดิมจะต้องส่งมอบทรัพย์สินให้กับกรมธนารักษ์ แต่บริษัทอีสต์วอเตอร์ยังไม่ยอมส่ง มอบให้โดยอ้างว่าต้องใช้เวลาเตรียมการ
กรมธนารักษ์เข้าสํารวจทรัพย์สินของสถานีสูบน้ําดิบหนองปลาไหล พบว่าสถานีสูบน้ําดิบดังกล่าวไม่มีการเดินเครื่อง สูบน้ํา แต่ปรากฎว่าระบบท่อของโครงการยังมีการส่งน้ําให้กับลูกค้าของอีสต์วอเตอร์อย่างต่อเนื่องซึ่งอีสต์วอเตอร์ได้ ชี้แจงว่า มีการส่งน้ําจากโรงสูบน้ําของอีสต์วอเตอร์มายังท่อของกรมธนารักษ์แทน
นายสันติ ให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อตรวจสอบพื้นที่สถานีสูบน้ําดิบหนองปลาไหลเป็นพื้นที่ต้นน้ําในการ สูบจ่ายน้ําให้โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดของภาคตะวันออกและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จากการตรวจสอบพบว่ามี โรงสูบน้ําหลักๆ 3โรงถือว่ามีความมั่นคง ความลึกเพียงพอบริการน้ําในพื้นที่และมีความเรียบร้อยดีและอย่างที่อีสต์วอ เตอร์กล่าวไว้ว่ามีการเชื่อมท่อระหว่างโรงสูบน้ําให้สามารถส่งน้ําเชื่อมโยงกันได้
นายสันติกล่าวว่า อีกประเด็นที่มาดูก็คือกรมธนารักษ์ลงนามให้กับผู้ที่ชนะการประมูลเรื่องท่อส่งน้ําในเรื่องความมั่นคง มีความราบรื่น ไม่ให้เกิดปัญหากับผู้ใช้น้ํามาดูว่าน้ําที่จะใช้บริการในช่วงการเปลี่ยนผ่านมีความราบรื่น ไม่ให้เกิดปัญหา กับผู้ใช้น้ํา ระบบท่อเป็นอย่างไร
“ผมได้รับรายงานเบื้องต้นว่าโรงสูบน้ําโรงที่1และโรงที่2 ท่อจะวิ่งไปรวมที่สถานีเพิ่มแรงดันเพื่อส่งน้ําข้ามฝั่งไปจังหวัด ชลบุรีส่วนโรงท3ี่ แยกส่งน้ําไปให้กับโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเบื้องต้นต้องส่งมอบท่อส่งน้ําที่ไม่มีสัญญาคืนให้ กรมธนารักษ์ก่อน” นายสันติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของนายสันติและกรมธนารักษ์ เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่โครงการสถานีอาคารพักน้ําหุบ บอน จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นจุดที่2 โดยอาคารพักน้ําหุบบอนเป็นจุดรับน้ําของท่อหนองปลาไหล – หนองค้อ ซึ่งต้องจ่าย ผลประโยชน์ให้แก่รัฐ 7% และจะส่งไปยังท่อหนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 1) ค่าเช่า 1% และท่อหนองค้อ – แหลม ฉบัง (ระยะที่ 2) ค่าเช่า 7% แต่เนื่องจากนําที่ส่งไปนั้นมาจากท่อ 7% ดังนั้น เมื่อจะชําระผลประโยชน์ให้แก่รัฐ ต้อง จ่ายให้ 7%
จากนั้นเดินทางต่อไปยังที่สถานีจ่ายน้ําสหพัฒน์ สหโคเจน นายสันติให้สัมภาษณ์ว่าจากการตรวจสอบพบว่าท่อส่งน้ํา ในพื้นที่ดังกล่าวบริษัทฯต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐในมูลค่าที่แตกต่างกัน ท่อแรก ต้องจ่าย 1เปอร์เซ็นต์ของรายได้ จากการขายน้ําดิบและอีกท่อต้องจ่าย 7% แต่พบว่าท่อส่งน้ําถูกนํามาเชื่อมรวมไว้ในท่อเดียวกัน มิเตอร์เดียวกันแล้ว ส่งน้ําดิบให้กับลูกค้า ในการตรวจสอบวันนี้ ทางกรมธนารักษ์เพิ่งทราบข้อมูล
“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ตรวจสอบแล้วพบว่า ท่อน้ําที่บริษัทอีสต์วอเตอร์ต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐ 1% และ 7% พอเชื่อมท่อรวมกันและเอามิเตอร์มาวัดที่เชื่อมท่อจุดเดียว ผลประโยชน์ที่บริษัทต้องให้กับรัฐสูงต่ําไม่เท่ากัน เรื่องนี้ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าท่อเดียวที่รวมกันและน้ําทอี่ อกจากท่อนี้ บริษัทอีสต์วอเตอร์จ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐ 1%หรือ 7%”นายสันติกล่าว
นายสันติกล่าวว่า การเอาท่อที่ให้ผลประโยชน์กับรัฐน้อยไปรวมกับท่อที่ต้องให้ผลประโยชน์กับรัฐมากกว่า 7เท่า ถ้าคิด ตามธรรมชาติของคนทั่วไป เมื่อรวมท่อกันแล้วต้องให้รัฐ 7% ถ้าให้เพียง 1% ต้องคิดค่าเสียหายย้อนหลัง บริษัทฯต้อง ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบพบต่อท่อรวมกันครั้งนี้ถือเป็นทุจริตหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า “ก็ช่วยกันคิด ฝาก ผู้สื่อข่าวคิดด้วยครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางคณะนายสันติแวะตรวจสอบจุดเชื่อมต่อท่อส่งน้ําดิบ2จุดที่บริษัทอีสต์วอเตอร์จ่ายน้ํา ให้กับลูกค้าซึ่งอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และสถานีจ่ายน้ําลูกค้าของการประปาส่วน ภูมิภาค(กปภ.)แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จุดดังกล่าวพบมีการเชื่อมต่อท่อส่งน้ําดิบผิดปกติเช่นกัน
นายสันติให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมหลังจากไปดูพื้นที่สถานีรับน้ําแหลมฉบังซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของระบบท่อส่งน้ําดิบของ กรมธนารักษ์ที่ส่งน้ําดิบให้กับโรงงานต่างๆในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังว่า การเชื่อมต่อท่อส่งน้ําดิบมีความผิดปกติ
เหมือนกัน ทั้งนี้เมื่อมีการส่งน้ําให้แก่ลูกค้า อีสต์วอเตอร์คิดราคาค่าน้ําอย่างไร และจ่ายผลประโยชน์ให้แก่รัฐอย่างไร คงต้องฝากให้ DSI ช่วยตรวจสอบกรณีนี้ด้วย
“จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการท่อส่งน้ําของกรมธนารักษ์ทั้งในจังหวัดระยองและชลบุรี ผมเห็นว่า ทางกรมธนา รักษ์จะต้องเร่งพิสูจน์หาสาเหตุความผิดปกติ เพราะรัฐได้รับความเสียหายสองเด้งทั้งจากรายได้ที่ไม่ครบถ้วนจากอีสต์ วอเตอร์และรายได้ใหม่ที่จะต้องได้รับจากบริษัทวงษ์สยามฯซึ่งให้ค่าตอบแทนรัฐสูงถึง 27เปอร์เซ็นต์”นายสันติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกัน บริษัทอีสต์วอเตอร์ได้ส่งคําชี้แจงให้กับสื่อโดยระบุการส่งมอบทรัพย์สินให้กับ กรมธนารักษ์จะกระทําอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ํา
นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อํานวยการใหญ่บริษัทอีสต์วอเตอร์กล่่าวว่า เมื่อกรมธนารักษ์จะตัดแยกระบบท่อ ส่งน้ํา เพื่อแยกการบริหารท่อส่งน้ําออกจากกัน บริษัทอีสต์วอเตอร์มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นเพราะจะทําให้การส่งน้ํา และผันน้ํามีประสิทธิภาพไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป