เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว

สีสัน “เทียนจิน” มหานครเศรษฐกิจของจีนเหนือ

หากกรุงปักกิ่งคือหัวใจแห่งอำนาจของจีน “เทียนจิน” หรือ “เทียนสิน” ก็คือปอดที่เป็นลมหายใจเศรษฐกิจหล่อเลี้ยงภาคเหนือของประเทศ เมืองท่าริมแม่น้ำไห่เหอแห่งนี้ ผ่านรอยเวลาและการเปลี่ยนแปลงมหาศาล จากเมืองท่าหลวงที่ใช้ขนส่งสินค้าไปยังกรุงปักกิ่งของราชวงศ์ชิง สู่มหานครอุตสาหกรรม และวันนี้กำลังก้าวสู่เมืองนวัตกรรมทันสมัยที่โลกจับตา

“เทียนจิน” เป็นหนึ่งในสี่มหานครปกครองโดยตรงของจีนในปัจจุบัน เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ห่างจากกรุงปักกิ่ง 120 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือ และติดกับทะเลปั๋วไห่ทางตะวันออก เป็นเมืองท่าสำคัญและศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ในด้านการท่องเที่ยว เทียนจินยังมีชื่อเสียงจากการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปและจีน อีกทั้งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ สถาบันจูลเลียร์ดเทียนจิน(TIANJIN JUILLIARD SCHOOL)สถาบันศิลปะการแสดงแห่งแรกในจีนที่มอบปริญญาเอกสาขาดนตรีที่สหรัฐอเมริการับรอง

เมืองนี้เกิดขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง ก่อนจะกลายเป็นศูนย์กลางขนส่งข้าวและสินค้าธัญพืชขึ้นไปยังกรุงปักกิ่งในสมัยราชวงศ์ชิง ด้วยทำเลที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลปั๋วไห่และเชื่อมต่อกับแม่น้ำไห่เหอ เทียนจินจึงเป็น “ประตูการค้าสำคัญ” ของจีนทางตอนเหนือมาแต่โบราณ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คนมักเรียกชื่อเมืองเทียนจินว่า “เทียนสิน” นั่นเป็นเพราะการสะกดคำของตัวอักษร ในอดีตเคยมีการสะกดเป็น “Tientsin” ตามระบบไปรษณีย์จีน แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาใช้การสะกดแบบพินอินว่า “Tianjin” ชื่อเทียนจินจึงใช้กันแพร่หลายในระดับสากล แปลตรงตัวว่า “ท่าเรือแห่งสวรรค์ ”

เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชะตาเมืองนี้จริงๆ คือหลัง “สนธิสัญญานานกิง” และ “สงครามฝิ่น” เทียนจินกลายเป็น “เขตเช่าต่างชาติ” ต้องเปิดเมืองให้ชาติตะวันตกเข้ามาค้าขาย มีทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี รัสเซีย รวมทั้งญี่ปุ่น ขณะที่เมืองอื่นๆ ที่มีชะตาเดียวกัน ได้แก่ กวางโจว, เซียะเหมิน, ฝูโจว, หนิงโป และเซี่ยงไฮ้ รวมถึงเกาะฮ่องกง ต่างชาติต่างตั้งถิ่นฐานของตนในเมืองเทียนจินจนเกิดเป็นภาพ “ตะวันออกปนตะวันตก” ที่ยังเห็นได้จนทุกวันนี้ ยกตัวอย่างย่าน “ถนนห้าสาย” หรือ Wudadao จะเห็นบ้านสไตล์ยุโรป ตั้งแต่แบบวิกตอเรียนจนถึงนีโอคลาสสิก เนื่องจากย่านนี้เคยเป็นที่พักของนักการทูตและชนชั้นสูงในยุคอาณานิคม มีโบสถ์เซนต์โจเซฟ สร้างโดยมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส และมี “บ้านกระเบื้อง” (Porcelain House) คฤหาสน์ฝรั่งเศสเก่าที่ถูกแปลงโฉมเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ตกแต่งด้วยเศษเครื่องกระเบื้องจีนโบราณกว่า 700 ล้านชิ้น

อย่างไรก็ตาม เทียนจินไม่เคยทอดทิ้งอดีต บนถนนสายวัฒนธรรมโบราณที่เรียกว่า “กู่เหวินฮวาเจีย” เป็นถนนคนเดินที่ยังคงสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณตามแบบฉบับราชวงศ์ชิง ที่นี่ถูกรัฐบาลจีนยกให้เป็นเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับชาติ 5A ที่ผสมผสานวัฒนธรรม ศิลปะ การค้า และอาหารเข้าไว้ด้วยกัน มีร้านค้าขายของที่ระลึกและหัตถกรรมพื้นเมือง อาหารท้องถิ่น และขนมขึ้นชื่อมากมาย รวมถึงเป็นที่ตั้งของ “วัดเจ้าแม่ทับทิม” เรียกอย่างจีนว่า “ศาลเจ้าแม่มาจู่” ซึ่งเป็นเทพคุ้มครองผู้เดินทางทางทะเล ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเชื่อมโยงอย่างมากกับการเดินเรือและการค้าขายของเทียนจินในอดีต ทั้งยังเป็นที่พึ่งทางใจ เชื่อกันว่าจะนำความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัยมาให้

หลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 เทียนจินได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนักของประเทศ โรงงานเหล็ก เครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์เกิดขึ้นทั่วเมือง ด้วยทำเลใกล้ปักกิ่ง ท่าเรือเทียนจินจึงกลายเป็นหนึ่งในท่าเรือใหญ่ที่สุดของเอเชีย เป็นประตูสู่โลกภายนอกของจีนทางตอนเหนือ ต่อมาในศตวรรษที่ 21 เทียนจินได้พลิกโฉมอีกครั้งภายใต้นโยบาย “เขตพัฒนาใหม่ปินไห่” (Binhai New Area)สร้างเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค เน้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศรุ่นใหม่ เทคโนโลยีชีวการแพทย์ และพลังงานใหม่ ที่ดึงดูดการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ มีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ไปตั้งศูนย์อยู่ เช่น เทียนจิน เทดา, แอร์บัส, เลอโนโว, บริษัทเทียนจิน เต๋อต้า เอฟซี, โนโวนอร์ดิสก์ ฯลฯ รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และโลจิสติกส์ ถือเป็นศูนย์กลางการค้าและเทคโนโลยีที่สำคัญทางภาคเหนือของจีน

ปัจจุบันมีสถาปัตยกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายในเขตปินไห่ อาทิ หอสมุดปินไห่ ที่ออกแบบภายในให้เหมือน “คลื่นหนังสือ” โอบล้อมลูกตาแห่งความรู้ตรงกลาง กลายเป็นหนึ่งในหอสมุดที่สวยที่สุดในโลก ขณะเดียวกันเมืองเก่ายังได้รับการบูรณะให้กลายเป็นย่านศิลปะ เช่น ถนนอิตาเลียน ที่รวมร้านอาหาร คาเฟ่ และแกลเลอรี ต้อนรับนักท่องเที่ยว และ ถนนวัฒนธรรมโบราณ ที่รวบรวมศิลปหัตถกรรมพื้นเมือง ร้านเครื่องลายคราม และขนมเก่าแก่ของเทียนจิน

ความเป็นเมืองท่าหลายวัฒนธรรมทำให้เทียนจินมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คนที่นี่พูดสำเนียงเทียนจินที่มีจังหวะเร็ว สนุก สนานมากกว่าคนปักกิ่ง จนกลายเป็นเมืองต้นกำเนิดของ “ศิลปะพูดตลกแบบจีน” หรือ “เซียงเซิง” การพูดตลกแบบนี้กล่าวกันว่าพัฒนามาจากการเล่าเรื่องตลก ล้อเลียนริมถนนในยุคแรกๆ กระทั่งในช่วงต้นของสาธารณรัฐจีน ได้พัฒนารูปแบบเข้าไปอยู่ในร้านน้ำชาและโรงละคร ปัจจุบันเซียงเซิงได้แพร่หลายและจัดแสดงผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ด้วย

ในด้านอาหาร เทียนจินมีชื่อเสียงไม่แพ้เมืองใหญ่ใดในจีน อาหารขึ้นชื่อคือ “ซาลาเปาโก่วปู้หลี่” แปลเป็นไทยว่า “ซาลาเปาหมาไม่แล”
เป็นของขึ้นชื่อของเมืองเทียนจิน ชื่อนี้มาจากชื่อเล่นของเจ้าของร้านคนแรกที่ชื่อ เกา กุ้ยโหย่ว ชื่อเล่นคือ “โก่วจื่อ” หรือ “ลูกหมา” เขาเป็นคนทำซาลาเปาอร่อยมากจนมีลูกค้าเยอะ จึงยุ่งกับการขายจนไม่มีเวลาพูดคุยกับใคร ลูกค้าจึงแซวว่า “โก่วจื่อขายซาลาเปา ไม่สนใจลูกค้าเลย” จนชื่อนี้กลายเป็นชื่อร้านที่ติดปากและใช้เป็นชื่อแบรนด์ ใครไปเยือนเทียนจินต้องหาทางไปกิน ยังมี “ขนมทอดเอ๋อร์ตัวเหยี่ยน” หรือขนมรูหู มีประวัติมาจากของกินเล่นในท้องถิ่น ทำจากแป้งสาลีห่อไส้ถั่วแดงแล้วนำไปทอดจนกรอบนอกนุ่มใน , ปลาคาร์ฟซือเหิง นอกจากเป็นปลาสวยงามแล้ว ปลาคาร์ฟยังสามารถนำไปทำเป็นอาหารเมนูต่างๆ ได้อีก เช่นที่ญี่ปุ่นจะทำเป็นซาซิมิ ส่วนที่เทียนจินจะทอดแล้วราดด้วยซอสเปรี้ยวหวาน มีความเชื่อว่าปลาคาร์ฟช่วยเสริมดวงด้านการเงินและธุรกิจ

จากเมืองท่าในอดีตที่เคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตก มาสู่มหานครอุตสาหกรรม และกำลังเปลี่ยนผ่านเป็น “เมืองแห่งนวัตกรรมและวัฒนธรรมร่วมสมัย” ในอนาคต เทียนจินจึงไม่เพียงเก็บรักษาร่องรอยของอดีตไว้ แต่ยังบันทึกเรื่องราวบทใหม่ของจีนในยุคปัจจุบัน ผ่านแม่น้ำไห่เหอ ท่าเรือเทียนจิน คลังสินค้า และอาคารอัจฉริยะทั้งหลายที่กำลังเติบโตสองริมฝั่งทะเลปั๋วไห่ เมืองเทียนจินจึงยืนอยู่บน “ความทรงจำในอดีต” และ “แสงแห่งอนาคต” ได้อย่างงดงามที่สุด

××× 9 เสน่ห์ของเทียนจินที่ห้ามพลาด!

1.ย่านห้าถนน-พื้นที่ประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นเขตเช่าของชาติตะวันตก เต็มไปด้วยบ้านสไตล์ยุโรป ตั้งแต่อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี
เดินเล่นแล้วเหมือนหลุดไปอยู่ยุโรปกลางเมืองจีน สวยสุดช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะต้นไม้เปลี่ยนสี นิยมใช้ถ่ายหนังและซีรีส์ย้อนยุค

2.เทียนจินอาย-ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนสะพานหย่งเล่อ เหนือแม่น้ำไห่เหอ สัญลักษณ์ของเมืองเทียนจิน สูงประมาณ 120 เมตร มองเห็นวิวเมืองโดยรอบ สวยที่สุดตอนกลางคืนเมื่อแสงไฟสะท้อนน้ำ

3.ถนนวัฒนธรรมโบราณ-ถนนสายเก่าที่รวบรวมบ้านเรือนสไตล์ราชวงศ์ชิง ร้านขายของพื้นเมือง งานหัตถกรรม และของกินโบราณ
จุดเด่นอยู่ที่ “ศษลเจ้าแม่ทับทิม” หรือ “วัดเทียนโหวกง” สายมูต้องไป ในนี้ยังมีร้านค้ามากมายขายของฝาก เช่น ของเล่นไม้เป่า เครื่องเขียนพู่กันจีน เป็นต้น

4.โบสถ์เซนต์โจเซฟ-โบสถ์คาทอลิกสไตล์โรมันที่ใหญ่ที่สุดในเมือง สร้างโดยมิชชันนารีฝรั่งเศสในปี 1916 ภายนอกเป็นอิฐสีแดง มีโดมใหญ่สง่างามมาก

5.บ้านกระเบื้อง-สถานที่สำคัญมากของเมืองนี้ บ้านหลังนี้เดิมเป็นคฤหาสน์เก่าที่สร้างขึ้นในยุคอาณานิคมฝรั่งเศส ต่อมา เฉิน เหม่ยเซิน นักสะสมศิลปะชาวจีน ได้ซื้ออาคารนี้แล้วบูรณะใหม่ตกแต่งทั่วทั้งหลังด้วยเศษเครื่องกระเบื้องจีนโบราณกว่า 700 ล้านชิ้น ผนังทั้งภายในและภายนอกประดับด้วย จาน ชาม แจกัน และกระเบื้องเคลือบจากราชวงศ์ถัง หมิง ชิง มีการนำมังกรเซรามิกยาวกว่า 700 เมตร พันรอบอาคาร ภายในจัดแสดงของสะสมโบราณ เช่น แจกันหยก เครื่องถ้วยจีน เครื่องเงิน จนได้ชื่อว่า “บ้านที่ประดับด้วยประวัติศาสตร์กว่า 5,000 ปีของอารยธรรมจีน” นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่โด่งดังที่สุดของเมืองเทียนจิน

6.ถนนอิตาเลียน-ย่านที่เคยเป็นเขตเช่าของอิตาลีในสมัยก่อน ปัจจุบันกลายเป็นย่านคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านศิลปะ ตอนกลางคืนเปิดไฟสวย งาม เหมาะนั่งจิบกาแฟหรือไวน์ชมวิว

7.หอสมุดปินไห่ หรือ หอสมุดเทียนจินปินไห่-เป็นหอสมุดสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่สำหรับอ่านหนังสือและศึกษา ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก ด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและสถาปัตยกรรมที่แปลกตาเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอนาคต ภายในตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยโดมทรงกลมขนาดใหญ่ตรงกลางที่เปรียบเสมือน “ดวงตา” ของห้องสมุด และมีชั้นหนังสือโค้งไปมาสูงจรดเพดาน แม้ว่าหนังสือที่เห็นบนชั้นวางส่วนใหญ่เป็นเพียงภาพพิมพ์เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ก็ยังมีหนังสือจริงให้เลือกอ่านในห้องอ่านหนังสือได้ บรรยากาศเงียบสงบ คนนิยมไปถ่ายรูป แต่มีข้อจำกัดว่าห้ามนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปในอาคาร ใช้ได้แค่กล้องจากโทรศัพท์มือถือเท่านั้น

8.บ้านจักรพรรดิองค์สุดท้าย-รู้จักกันในชื่อ “จิ้งหยวน” เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและสถาปัตยกรรมที่ต้องอนุรักษ์พิเศษของเทียนจิน ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติชีวิตของจักพรรดิปูยี หรือ จักรพรรดิเสวียนถ่ง จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิงก่อนล่มสลาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเทียนจิน หลังจากจักรพรรดิปูยี ฮองเฮาหวั่นหรง และพระสนมเหวินซิ่ว ถูกเนรเทศออกจากพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่งก็ได้มาพำนักที่บ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นเขตเช่าของญี่ปุ่นในเทียนจิน

9.ย่านริมแม่น้ำไห่เหอ-เป็นจุดชมวิวของเมืองสองฝั่งแม่น้ำไห่เหอ และมีบริการล่องเรือชมวิวกลางเมือง ชมตึกยุโรปโบราณกับตึกระฟ้าทันสมัย
โดยเฉพาะตอนกลางคืนบรรยากาศสวยงามและน่าประทับใจ แสงไฟระยิบระยับจากตึกและอาคารสไตล์ยุโรปที่ทันสมัยสะท้อนในน้ำ อีกฝั่งเป็นหอนาฬิกาโลก ผู้คนนิยมออกมาเดินเล่นชมวิวและถ่ายรูป สามารถสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่ทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ วัยรุ่นมาร้องเพลงเล่นดนตรีริมแม่น้ำ หรือเลือกซื้ออาหารว่าง เครื่องดื่ม มานั่งกินริมน้ำมองวิวเพลินๆ เป็นสีสันของเมืองที่สวยงาม

************************
กรรณิการ์ ฉิมสร้อย
*************************

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า