บทความ-สารคดี

ก้าวเข้าสู่เส้นทางธรรมยาตราครั้งที่ 4 ตอนที่ 2

สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980
ก้าวเข้าสู่เส้นทางธรรมยาตราครั้งที่ 4 ตอนที่ 2
22 พฤศจิกายน 2024 by Writer Bodhigaya
สายสัมพันธ์แห่งศรัทธา สู่ธรรมยาตราครั้งที่ 4 “ลุ่มน้ำโขงสู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ แดนพุทธภูมิ สาธารณรัฐอินเดีย ” ปักหมุดหมายแรก ณ พุทธวิหารสาญจี กับเส้นทางพระอรหันตธาตุ ภายใต้การดูแลรักษาของพระอุปติสสะเถโร ประธานพุทธวิหารสาญจี และประธานมหาโพธิสมาคมแห่งศรีลังกาคนปัจจุบัน30 พฤศจิกายน 2567 เป็น 1 วันสำคัญในรอบ 1 ปี ที่ได้รัฐบาลอินเดียได้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากห้องมั่นคงภายในพุทธวิหารสาญจี อินเดีย ให้ประชาชนได้กราบสักการะ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ทำหน้าที่ดูแลรักษาพระอรหันตธาตุ คือพระอุปติสสะเถโร ประธานพุทธวิหารสาญจี และประธานมหาโพธิสมาคมแห่งศรีลังกา ท่านยังเป็นผู้ลงนามอนุมัติการอัญเชิญเสด็จพระอรหันตธาตุ พร้อมกับการอัญเชิญเสด็จพระบรมสารีริกธาตุ ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงเดลี มาประดิษฐานในประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึง 19 มีนาคม 2567 เพื่อให้ชาวพุทธลุ่มน้ำโขงได้กราบสักการะ ตามโครงการธรรมยาตราครั้งที่ 3 “ธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุ มหานทีคงคา ลุ่มน้ำโขง” นับเป็นครั้งแรกที่อัญเชิญเสด็จออกจากพุทธวิหารสาญจี ภายใต้การผลักดันด้วยพลังศรัทธาของ ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ร่วมกับรัฐบาลไทย

พระอุปติสสะเถโร ท่านได้เล่าเรื่องราวประวัติของพระอรหันตธาตุ ที่อยู่ในการดูแล ไปจนถึงประวัติชีวิตจนถึงปัจจุบัน ในเวทีการเสวนาหัวข้อ “ธรรมวิชัยสู่ศตวรรษแห่งธรรม” จัดโดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ณ วัดมหาวนาราม หรือวัดป่าใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี โดยกล่าวถึงความรู้สึกว่า ดร.สุภชัย คือเพื่อนและกัลยาณมิตร เช่นเดียวกับคณะสงฆ์อินเดียที่เดินทางร่วมคณะในครั้งนี้ เชื่อว่าความสำเร็จมาจากอานุภาพของพระอรหันตธาตุที่อัญเชิญเสด็จ

พระอุปสิสสะเถโร เล่าถึงประวัติศาสตร์ของพระอรหันตธาตุชุดนี้ ตั้งแต่อดีตได้ถูกอัญเชิญจากสาญจีไปที่กรุงลอนดอน ก่อนจะย้ายจากลอนดอนกลับมาสู่อินเดีย ผ่านประเทศศรีลังกา ซึ่งอดีตสถูปสาญจีได้ถูกค้นพบโดยชาวอังกฤษ หลังจากพระพุทธศาสนาได้สูญหายไปจากประเทศอินเดียเกือบ 800 ปีในศตวรรษที่ 12

ขณะที่พระอุปติสสะ อายุ 12 ขวบ ได้เดินทางจากประเทศศรีลังกามาอินเดีย เพื่อเรียนหนังสือที่เมืองสารนารถ ซึ่งมีผู้คนเดินทางจากทั่วโลกเพื่อมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงมีเพื่อนชาวพุทธ จากไทย เมียนมา ศรีลังกาและประเทศต่างๆ แต่ไม่มีเพื่อนชาวพุทธในอินเดีย เพราะเป็นช่วงที่พุทธศาสนาสูญหายจากอินเดีย จากนั้นพระพุทธศาสนาจึงกลับคืนมาสู่อินเดียอีกครั้งโดยท่าน อานาคาริก ธรรมปาละ เพื่อเผยแพร่และฟื้นฟูพระพุทธศาสนากลับคืนสู่อินเดียและทั่วโลกอีกครั้ง ด้วยการก่อตั้งมหาโพธิสมาคมแห่งศรีลังกา ในปี 1891 จึงได้เชิญเพื่อนจากไทย เมียนมา มาร่วมทำงานด้วยกัน ซึ่งในบันทึกของมหาโพธิสมาคม ระบุไว้ว่า มีเจ้าชายจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมด้วย และปัจจุบันพระอุปติสสะเถโรได้เป็นประธานรุ่นที่ 3 ของมหาโพธิสมาคม ได้พยายามเชื่อมสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศชาวพุทธทั่วโลกทั้งหมด ซึ่งในศรีลังกามีพุทธ ทั้งหมด 6 นิกาย ท่านอยู่ในสยามนิกาย จึงมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับชาวพุทธไทย

ในปี 1851 ได้มีชาวอังกฤษนำพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะไปที่กรุงลอนดอน เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นเวลากว่าร้อยปี และในช่วงเวลานี้เอง ท่านอานาคาริก ธรรมปาละ ได้ก่อสร้างวัดพุทธในกรุงลอนดอน พระชาวศรีลังกาจึงได้เข้าไปเยี่ยมชมในพิพิธภัณฑ์ และทราบว่ามีพระอรหันตธาตุเก็บไว้ จึงส่งเรื่องรายงานมหาโพธิสมาคมแห่งศรีลังกา สำนักงานใหญ่กรุงโคลัมโบ ศรีลังกา แล้วท่านธรรมปาละ ได้เริ่มดำเนินการเรียกร้องให้ชาวอังกฤษส่งคืนสู่ชาวพุทธ แต่ในช่วงชีวิตท่านยังทำไม่สำเร็จ ท่านได้เสียชีวิตลงในปี 1933 คณะลูกศิษย์จึงสานต่อการเรียกร้อง จนประสบความสำเร็จ โดยมีหลานของท่านธรรมปาละไปอัญเชิญกลับจากลอนดอน และดำเนินการกลับศรีลังกาเป็นเวลาหลายปีจึงสำเร็จ

การเดินทางของพระอรหันตธาตุชุดนี้ผ่านศรีลังกาแล้วจึงกลับไปอินเดีย ในช่วงเวลานั้นไม่ว่าพระอรหันตธาตุจะเสด็จผ่านที่เมืองไหน ผู้นำของประเทศหรือเมืองนั้นจะต้องมาเข้าสักการะรับเสด็จ และทุกครั้งที่มีการอัญเชิญจะเกิดปรากฎการณ์ท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงเป็นอัศจรรย์

ในปี 1941 พระอรหันตธาตุที่อัญเชิญเสด็จจากอังกฤษสู่ศรีลังกามาอินเดีย ที่เมืองกัลกัตตาโดยมีท่านประธานาธิบดีคนแรกของอินเดียเดินทางไปรับด้วยตนเอง เพื่อกลับคืนเมืองสาญจี ต้นกำเนิดที่เก็บพระอรหันตธาตุในอดีตกาล และมีการสร้างวิหารสาญจีเพื่อเก็บพระอรหันตธาตุไว้เป็นการถาวร ซึ่งกษัตริย์ชาวมุสลิมของรัฐมัธยประเทศบริจาคที่ดินให้สร้างวิหาร เสร็จสิ้นในปี 1952 โดยมีประธานาธิบดีเดินทางไปเปิดวิหารด้วยตนเอง

ตั้งแต่ปี 1952 พระอรหันตธาตุถูกเก็บในวิหารสาญจีโดยไม่เคยถูกนำออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้ววันหนึ่งได้มีจดหมายจากประเทศไทยขออนุญาติอัญเชิญพระอรหันตธาตุชุดนี้มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในเมืองไทย ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ สร้างความปราบปลื้มที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลอง และร่วมประกาศสัทธรรม

เช่นเดียวกับการเดินทางไปเยือนอินเดีย ของ ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ตามคำเชิญของพระอุปติสสะเถโร ให้เข้าร่วมในพิธีอัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ณ พุทธวิหารสาญจี เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ด้วยพระพุทธศาสนาระหว่าง 2 ลุ่มน้ำ และเป็นจุดหมายแรกของเส้นทาง ธรรมยาตราครั้งที่ 4 “ลุ่มน้ำโขงสู่มหานทีคงคา ประกาศศตวรรษแห่งธรรม ณ แดนพุทธภูมิ สาธารณรัฐอินเดีย”

เขียนโดย : ภัทชา ณิลังโส

This entry was posted in บทความ. Bookmark the permalink.
Writer Bodhigaya
ก้าวเข้าสู่เส้นทางธรรมยาตราครั้งที่ 4 ตอนที่ 1
แถลงข่าว ธรรมยาตรา ครั้งที่ 4
Partner Site
thai_budhgaya_logo-1
โลโก้วัดมหาธาตุ
MCU-logo
FOB_Logo-1
Logo มหาลัยอุบล
_อบจ_กระบี่
matichon-logo
tnn_logo
Head Office

Wat Thai Buddhagaya (Royal Thai Monastery Buddhagaya),

Bodhgaya Pin.824231, Dist. Gaya, State; Bihar, India

Thailand Office

14 Ngamwongwarn 8 Alley BangKhen

Mueang Nonthaburi Nonthaburi 11000

Facebook Youtube Tiktok Instagram Envelope Line
Copyright 2024 © bodhigayavijjalaya980
จัดการการอนุญาต Cookies

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า