ตร.ภ.4 รวบ 5 ผู้ต้องหาใช้เช็กหลอกซื้อทองคำในพื้นที่หนองคาย ได้ทองไปทั้งสิ้นน้ำหนักรวมกว่า 100 บาท
พบประวัติร่วมกันก่อเหตุโชกโชน เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.พ.2565 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่นพล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ทำการสอลปากคำนายกรีลัลติกาล อัครปกานรรท์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 ม.3 ต.สักหลง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดหนองคาย ที่ 24/ 2565 ลงวันที่ 18 ก.พ.2565 หลังถูกเจ้าหน้าทีตำรวจ บก.สส.ภ.4จับกุมตัวได้ที่กรุงเทพฯ หลังร่วมกับพวกอีก 4 คน ที่ถูกจับกุมในเวลาไล่เลี่ยกันประกอบด้วย น.ส.พิชชาภา ครณรงค์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/12 ม. 5 ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา, น.ส.มลิวรรณ เลพล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 274 ซ.ศูนย์บันเทิงการค้า แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ, นายรชต วิไลเจริญพงศ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 290/1 ม.1 ต.เวียงพางคำอ.แม่สาย จ.เชียงราย และนายธนบดี ดวงมาลา อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200 ม. 4 ต.โคกว่านอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
หลังร่วมกันก่อเหตุหลอกซื้อทองรูปพรรณ ที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ในจังหวัดหนองคาย ก่อนได้ทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 100 บาท มูลค่า 2.9 ล้านบาท แล้วหลบหนีไป
พล.ต.ท.ยรรยง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนภาค 4 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊งค์ทั้งหมด 5 คน พร้อมของกลาง ทองรูปพรรณ จำนวน 2 เส้น น้ำหนักเส้นละประมาณ 5 บาท ,รถยนต์ฮอนด้า รุ่น ชีวิค สีขาว ติดป้ายทะเบียน 8กท-316 กรุงเทพฯ ,รถยนต์ย ฮอนด้า รุ่นHRV สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ก-0103 ลำปาง ,รถยนต์ ฮอนด้า ชีวิค สีขาว ติดป้ายทะเบียน2กต-1394 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายได้ไปติดต่อหลอกซื้อทองรูปพรรณ น้ำหนักรวม 100 บาท โดยเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 4 เส้น , สร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท จำนวน 12 เส้น จากร้านทองแห่งหนึ่ง ภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย โดยคนร้ายที่ไปติดต่อมีลักษณะเป็นชาย แจ้งว่าเจ้านายให้มาติดต่อซื้อทองเพื่อไปแจกญาติโดยจะชำระค่าทองเป็นการจ่ายโดยเช็คเงินสดโอนเข้าบัญชีของร้านทองและขอเลขบัญชีร้านทองเพื่อทำการชำระ
“จากนั้นจะมีคนร้ายอีกคนซึ่งเป็นหญิงได้เอาเช็คเงินสด ระบุเจ้าของเช็ค คือ น.ส.พิชชาภา ครณรงค์ ไปขึ้นเงินที่ธนาคารแห่งหนึ่งภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย โดยเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินแล้วเป็นการเคลียร์ริ่งเช็คและได้มีข้อความส่งเตือนยอดเงินไปยังร้านทอง และได้มีคนร้ายอีกคนโทรเข้าไปยังร้านทองอ้างตนว่าเป็นเจ้านายและแจ้งว่าได้ทำการชำระเงินค่าทองรูปพรรณดังกล่าวแล้วให้ส่งมอบทองรูปพรรณให้กับลูกน้องของตนได้เลย เมื่อร้านทองหลงเชื่อจึงได้มอบทองรูปพรรณให้คนร้ายไป จากนั้นปรากฏว่าไม่มียอดเงินเข้าบัญชีของทางร้านทองแต่อย่างใดและคนร้ายได้พากันหลบหนีไป โดยกลุ่มคนร้ายใช้รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น HRV สีขาว ติดป้ายทะเบียนปลอม เป็นยานพาหนะ และจากการตรวจสอบพบว่า ยังมีเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ ที่ร้านทองแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในเขต อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2564 โดยคนร้ายเป็นชายลักษณะคล้ายกับที่ก่อเหตุที่ อ.เมือง จ.หนองคาย ได้มีการเข้าไปติดต่อขอซื้อทองรูปพรรณและจะชำระโดยการนำเช็คไปขึ้นเงินเข้าบัญชีของร้านทองจากนั้นคนร้ายได้มีการนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารภายให้างสรรพสินค้า ในลักษณะเป็นการเคลียร์สิ่งเช็คเช่นเดียวกันโดยจะมีข้อความเตือนไปที่ร้านทองจากนั้นจะมีโทรศัพท์อ้างตนว่าเป็นเจ้านายโทรเข้าไปที่ร้านทองแจ้งว่าได้ชำระค่าทองแล้ว ให้มอบทองให้กับลูกน้องของตนได้เลย โดยกลุ่มคนร้ายได้ทองรูปพรรณจากการก่อเหตุไป น้ำหนักรวม 88บาท มูลค่า 2,569,000 บาทและคนร้ายได้พากันหลบหนีไป โดยกลุ่มคนร้ายใช้รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น CVIC สีขาวติดป้ายทะเบียนปลอม เป็นยานพาหนะ“
ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า มีเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ , จ.สุรินทร์เมื่อต้นเดือน ก.พ.2565 ที่ผ่านมา แต่ร้านทองไม่หลงเชื่อจึงไม่มอบทองให้กับกลุ่มคนร้าย ซึ่งตำรวจภูธรภาค 4 จะได้ทำการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามทองรูปพรรณที่ถูกประทุษร้ายไปคืนต่อไป พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ถึง ผู้ประกอบการร้านทอง หรือ ผู้ประกอบการพาณิชย์ต่างๆ หากมีการซื้อขายและมีการชำระค่าสินค้าผ่านเช็ค ขอให้ตรวจสอบยอดจำนวนเงินที่เข้าบัญชีที่แท้จริงให้ละเอียดก่อนส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้า ซึ่งอาจมีกลุ่มมิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการหลอกชำระค่าสินค้าและบริการ จนเกิดความเสียหายได้