สังคม-สตรี-เยาวชน

ยายและป้าอุ้มหลานชายวัย 11 เดือนที่เกิดในประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาจากจ.เพชรบูรณ์ ร้องทุกข์ “ปวีณา”

วันที่ 23 พ.ย.68 เวลา 10.00 น. ยายและป้าอุ้มหลานชายวัย 11 เดือนที่เกิดในประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาจากจ.เพชรบูรณ์ ร้องทุกข์ “ปวีณา” ทั้งน้ำตา ขอให้ติดตามหลานสาววัย 12 ปีที่ประเทศญี่ปุ่น ตามที่สื่อญี่ปุ่นลงข่าวโด่งดัง แม่คนไทยพาลูกสาววัย 12 ปี ไปขายบริการที่ร้านนวดญี่ปุ่น ตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรม 2 แม่ลูก มีสื่อญี่ปุ่นมาสัมภาษณ์ ยายตกใจว่าหลานสาวถูกขายจึงขอให้สื่อญี่ปุ่นติดต่อ “ปวีณา” ช่วยเหลือติดตามเรื่อง ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงหลาน นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับทราบข่าวจากสื่อญี่ปุ่นที่มาสัมภาษณ์ที่มูลนิธิปวีณาฯ รู้สึกตกใจมาก จึงได้ประสานไปยังกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ทราบว่าตอนนี้ด.ญ.วัย 12 ปี ปลอดภัยดี อยู่ในความดูแลของทางการญี่ปุ่น และต่อมาได้ทราบว่าแม่ของเด็กหญิงถูกจับกุมที่ประเทศไต้หวัน ข้อหา อยู่เกินกำหนด และค้าประเวณี วันนี้ยายและป้าจึงเดินทางมาจากจ.เพชรบูรณ์ มาขอความช่วยเหลือ โดยให้สื่อญี่ปุ่นประสานมามูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือประสานงานกับหน่วยงานราชการให้ถึงที่สุด โดยนางปวีณา จะประสานไปยัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่มอบหมาย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศตคม.ตร.) พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว ผู้บังคับการ กองการต่างประเทศ (ตำรวจสากล) ดูแลเรื่องนี้ โดยจะพายายและป้าไปเข้าพบ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร. และประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ติดตามหน่วยงาน ประสานตำรวจสากล เพื่อประสานทางการประเทศญี่ปุ่นและประเทศไต้หวันขอทราบความคืบหน้าต่อไป

“ปวีณา” กล่าวว่า สื่อยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น 5 สื่อเข้ามาสัมภาษณ์ที่มูลนิธิปวีณาฯ บอกว่าด.ญ.วัย 12 ปี ตอนนี้ปลอดภัยดีอยู่ในความดูแลของทางการญี่ปุ่น และสื่อญี่ปุ่นยังได้ถามความเห็น “ปวีณา” ในฐานะได้ทำงานด้านค้ามนุษย์และเคยเป็นสส. เป็นรัฐมนตรีมาว่า คิดอย่างไรกับกฎหมายญี่ปุ่นที่มุ่งเน้นผู้ขายบริการผิดกฎหมาย ส่วนผู้ซื้อบริการไม่ผิดกฎหมาย “ปวีณา” ตอบว่า ประเทศไทยได้มีการแก้ไข พ.ร.บ. โดย สว. คุณหญิงจันทนา ได้แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี เปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ร่วมกับ สส. สว. และปวีณา ซึ่งเป็น สส.ในสมัยนั้น ก็ได้ร่วมผลักดันด้วยคนหนึ่ง ตราเป็นพระราชบัญญัติปี 2539 โดยให้ผู้หญิงที่ค้าประเวณีไปฟื้นฟูสภาพจิต ฝึกอาชีพ และดำเนินคดีกับผู้ชายที่ซื้อบริการ นางปวีณา หวังว่า ทางการญี่ปุ่นจะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีและมีบทลงโทษผู้ซื้อบริการให้เข้มข้นขึ้น ซึ่งทราบว่าที่ประเทศญี่ปุ่นกฎหมายการค้าประเวณีกำลังเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาญี่ปุ่น

 

ด้านยาย กล่าวว่า ยายไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร วันที่สื่อญี่ปุ่นเดินทางไปสัมภาษณ์ที่บ้าน จ.เพชรบูรณ์ ยายรู้ข่าวถึงกับเป็นลม เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวพาหลานสาว 12 ปี ไปญี่ปุ่นบอกว่าจะพาไปเลี้ยงลูกอีกคนที่เกิดที่ญี่ปุ่น และต่อมาลูกสาวได้กลับจากญี่ปุ่นมาไทยเอาลูกชายคนเล็กที่เพิ่ง 11 เดือนที่คลอดที่ญี่ปุ่นมาให้เลี้ยง ส่วนลูกสาวอายุ 12 ปี ยายถามว่า ทำไมไม่มาด้วย ลูกสาวบอกว่าเงินไม่พอจึงได้ฝากเพื่อนเอาไว้ที่ญี่ปุ่น จู่ๆ ก็มีนักข่าวญี่ปุ่นมาสัมภาษณ์ว่าหลานถูกพาไปค้าประเวณี และยายได้บอกกับนักข่าวญี่ปุ่นให้ช่วยติดต่อ “ปวีณา” และขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเป็นตัวแทนในการติดตามเรื่องลูกสาวและหลานสาวให้ยายด้วย เพราะยายกินไม่ได้นอนไม่หลับอยากจะคุยกับหลานว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่ ยายใจจะขาดอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเดินทางมามูลนิธิปวีณาฯ ขอความช่วยเหลือให้ช่วยติดตามข่าวหลาสาววัย 12 ปี และลูกสาวให้ด้วย

ความเป็นมา
ยายกับป้าอุ้มหลานชายวัย 11 เดือน เดินทางมาจากจ.เพชรบูรณ์ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็ก ขอความช่วยเหลือตรวจสอบกรณีที่สื่อญี่ปุ่นเสนอข่าวโด่งดัง แม่พาลูกสาววัย 12 ปี ไปค้าประเวณีในร้านนวดที่ประเทศญี่ปุ่น โดยยายและป้าบอกว่าหลังทราบข่าวกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงหลานสาววัย 12 ปีที่มีข่าวว่าอยู่ในความดูแลของทางการญี่ปุ่น และลูกสาวที่ถูกจับอยู่ประเทศไต้หวัน ซึ่งยายและญาติๆ ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หลานสาววัย 12 ปี ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง และลูกสาวที่อยู่ไต้หวันถูกดำเนินคดีข้อหาอะไรบ้าง

ยาย กล่าวว่า ลูกสาว น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ที่เป็นข่าวพาลูกสาววัย 12 ไปขายบริการที่ร้านนวดประเทศญี่ปุ่นนั้น ที่ผ่านมาลูกเป็นเสาหลักของครอบครัวเลี้ยงพ่อและแม่ที่แก่ชรามีโรคประจำตัวทำงานไม่ไหว น.ส.เอ (นามสมมุติ) ยังมีลูกสาวอีก 2 คน คือ ด.ญ.บี อายุ 12 ปี ที่ไปญี่ปุ่น และลูกสาวคนเล็กอายุ 11 สามีเสียชีวิตไปประมาณ 7 ปีแล้ว เมื่อก่อน น.ส.เอ ทำงานรับจ้างก่อสร้างแต่รายได้ไม่พอ จึงไปเรียนนวดแผนไทยก่อนจะมาทำงานนวดแผนไทยที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมาก็มีคนรู้จักชักชวนไปทำงานนวดแผนไทยที่ต่างประเทศเพราะคิดว่าจะมีรายได้ดีกว่า

“น.ส.เอ ไปทำงานที่ญี่ปุ่นประมาณปี 2565 จะส่งเงินมาให้มาดูแลครอบครัวเลี้ยงลูกสาวเดือนละประมาณ 2-3 พันบาท ลูกบอกว่ามีรายได้ไม่มาก กระทั่งช่วงเดือนพ.ค.68 ลูกสาวบอกว่าได้คลอดลูกที่ญี่ปุ่นอีกคนเป็นเด็กชาย แต่ไม่ได้บอกว่าแฟนเป็นคนไทยหรือญี่ปุ่น ปกติลูกจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดหรือบอกอะไรกับแม่เท่าไหร่ พอมีลูกเล็กลูกสาวก็ไม่ได้ทำงานจึงขาดรายได้

กระทั่งเดือน พ.ค.68 น.ส.เอ จึงกลับไทยมารับด.ญ.บี อายุ 12 ปี ลูกสาวคนโต เดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อจะให้ไปช่วยเลี้ยงน้อง ซึ่งช่วงนั้นด.ญ.บี หลานสาวปิดเทอมอยู่ ลูกสาวยังบอกอีกว่าจะให้ลูกสาวคนโตกลับมาเรียนต่อพร้อมกับเอาลูกชายคนเล็กมาให้แม่เลี้ยงที่ไทย

แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องส่งด.ญ.บี กลับมาเรียนหนังสือ ลูกสาวบอกว่าเงินซื้อตั๋วเครื่องบินไม่พอ กลางเดือน ส.ค. 68 จึงได้ฝากด.ญ.บี ไว้กับเพื่อนของแม่ที่ร้านนวดที่ญี่ปุ่น ยายไม่ทราบว่าคนไทยหรือคนญี่ปุ่น จากนั้นลูกสาวก็ซื้อตั๋วพาลูกชายคนเล็กที่คลอดที่ญี่ปุ่นไม่นานบินกลับมาไทยก่อน พอเอาลูกชายมาส่งให้ยายไม่กี่วัน ลูกสาวก็เดินทางไปไต้หวันบอกว่าจะไปหาเงินก่อนเพื่อจะได้เอาไปซื้อตั๋วเครื่องบินพาด.ญ.บีกลับไทย

ยายจำได้ว่าก่อนเป็นข่าว 2 วัน ด.ญ.บี หลานสาวได้โทรมาหายาย บอกว่า อยากกลับบ้าน ให้แม่รีบมารับกลับไทยด้วย ซึ่งระหว่างนั้นลูกสาวไปทำงานอยู่ไต้หวัน จากนั้นก็มาได้ข่าวว่าลูกสาวถูกจับที่ไต้หวัน และมีข่าวว่าทิ้งลูกให้ขายบริการที่ร้านนวดญี่ปุ่น ซึ่งยายและป้าไม่ทราบข้อมูลอะไรเลย ไม่มีใครติดต่อแจ้งข่าวคราวลูกกับหลานสาวให้ทราบเลย ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะเป็นอย่างไรบ้าง ยายกับป้าจึงมาร้องขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานหาข้อมูลลูกและหลานสาวให้ด้วย

หลังรับเรื่อง นางปวีณา จะได้ประสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่มอบหมาย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศตคม.ตร.) พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว ผู้บังคับการ กองการต่างประเทศ (ตำรวจสากล) ดูแลเรื่องนี้ เพื่อให้ติดตามหน่วยงาน ประสานตำรวจสากล และทางการประเทศญี่ปุ่นและประเทศไต้หวันเพื่อทราบความคืบหน้าต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า