สาวทอมเชียงราย นำร่างสะบักสะบอมร้อง “ปวีณา” ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ปอตเปต ประเทศกัมพูชา
ขัดขืนไม่ยอมทำถูกทำร้ายทุบตีทรมาน ใช้ไฟฟ้าช็อต เก้าอี้ฟาด ให้แบกเก้าอี้ยืนตากแดดตากลมทั้งวันทั้งคืน อดข้าวอดน้ำ อาศัยจังหวะนายทุนจีนย้ายคนหนีตำรวจที่บุกตรวจค้นหนีตายมาได้ ขอให้กวาดล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์ให้หมดสิ้น ช่วยคนไทยอีกกว่า 70 ชีวิตที่ยังถูกกักขังบังคับให้ทำงานได้กลับบ้าน
ที่มูลนิธิปวีณาฯ : วันที่ 17 มี.ค.67 นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ชาวจ.เชียงรายเข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความช่วยเหลือ ถูกคนรู้จักหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ปอตเปต ประเทศกัมพูชา ถูกทำร้ายทุบตีทรมาน ใช้ไฟฟ้าช็อต เก้าอี้ฟาด ให้อดอาหาร ให้แบกเก้าอี้ยืนตากแดดหลังปฏิเสธการทำงานเพราะไม่อยากหลอกใคร ต้องทนทุกข์ตกนรกอยู่ 13 วันก่อนจะหนีตายกลับมาได้พร้อมเพื่อนรวม 5 คน
นางสาวเอ กล่าวว่า ตนเองเป็นทอม ช่วงเดือนธ.ค.66 ได้รู้จักกับทอมชื่อ นัท ที่ขนส่งเชียงรายและคุยกันตลอดทางระหว่างเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาหาแฟน ก่อนจะแยกกับนัท หลังจากนั้นก็ยังติดต่อกับนัทอยู่และคุยกันเรื่องหางาน โดยนัทแนะนำให้รู้จักคนชื่อแจง ชวนไปทำงานเป็นแอดมินที่ปอตเปต บอกว่ารายได้ดี ก่อนจะตัดสินใจตนได้เดินทางไปเที่ยวปอยเปต 2 ครั้ง เพื่อดูลาดเลาและพบกับแจง จากนั้นจึงตัดสินใจเดินทางไปทำงานเมื่อวันที่ 4 มี.ค.67
ตนเดินทางโดยรถทัวร์จากจ.เชียงราย ไปลงที่โรงเกลือ จ.สระแก้ว แล้วมีรถมารับพาเดินข้ามไปทางช่องทางธรรมชาติ เมื่อถึงที่หมายเป็นอาคาร 6 ชั้น นายทุนจีนและคนไทยที่คุมอยู่บังคับให้ทำงานท่องบท และทำหน้าที่โทรศัพท์สาย 1 ถ้าทำผิดก็ถูกลงโทษให้แบกเก้าอี้ยืนตากแดดตากลมทั้งกลางวันกลางคืนให้อดอาหาร และถ้าไม่ยอมทำงานก็ทุบตีทำร้าย ใช้กระบองไฟฟ้าช็อต เก้าอี้ฟาดจนน่วมไปทั้งตัว จังหวะวันที่ 16 มี.ค.67 มีตำรวจทหารเข้ามาตรวจค้น นายทุนจีนจึงให้ย้ายโรงแรม โดยตนอยู่โรมแรม3 ย้ายมาโรงแรม 2 และย้ายมาโรงแรม 1 โดยรถตู้ ตนจำทางได้ว่าไม่ไกลจากชายแดนจึงชักชวนให้เพื่อนที่มาด้วยกันรวม 5 คน ลงจากรถแล้วพากันวิ่งหนีรอดมาได้ บริเวณหน้าด่านช่องจอม
จากนั้นตนกับเพื่อนได้โทรศัพท์หาคนรู้จักที่คาสิโนเพื่อหารถพาข้ามแดนเพราะกลัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะตามมา โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 7,500 บาท เมื่อรอดชีวิตกลับมาได้ตนจึงตัดสินใจเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อติดตามจับกุมกลุ่มขบวนการหลอกคนไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ และช้วยเหลือคนไทยที่ยังถูกบังคับให้ทำงานอยู่ที่นั่นทั้งชายและหญิงอีกกว่า 70 ชีวิต
นางปวีณา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เตือนกันมาตลอดว่างานสบายรายได้ดีไม่มีจริง กรณีชวนไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อบ้านก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ปอตเปต ประเทศกัมพูชา หรือที่ เล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา มีคนไทยถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์เป้ฯจำนวนมาก เมื่อไม่ยอมทำ หรือทำไม่ได้ตามเป้าก็จะถูกทำร้ายทุบตี หลังจากนี้จะประสานตำรวจในการขยายผลจับกุมขบวนการดังกล่าว และขอเตือนว่า การไปทำงานต่างประเทศทั้งคอลเซ็นเตอร์และงานพีอาร์ ไม่ใช่ว่าจะได้เงินง่ายดาย บางคนต้องเสียทั้งเงิน ติดยา ถูกทำร้ายทรมาน ถูกเรียกค่าไถ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกคน