เจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ติดตามคดีพิเศษที่ 13/2566 คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากลมลา จ.ภูเก็ต
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.เสกสรร ศรีตุลาการ รองผู้อำนวยการกองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 13/2566 คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากลมลา จ.ภูเก็ต พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตตามคำสั่งของ พ.ต.ต.จตุพร บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค และเป็นไปตามนโยบายที่เร่งรัดป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรธรรมชาติเมืองท่องเที่ยวหลัก ของ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ตาม การกำกับบริหารคดีของ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการทำลายป่าไม้และที่ดินรัฐในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.ปิยะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและ ตระเวนสำรวจพื้นที่ที่มีการทำลายทรัพยากรป่าไม้และบุกรุกที่ดินรัฐในพื้นที่ที่จังหวัดภูเก็ตวัตถุประสงค์หลักให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามมีทรัพยากรที่เหมาะสมสำหรับคนภูเก็ตและเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะพนักงานสอบสวนได้เรียกพยานในคดีรุกขุดดินขายในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลา จ.ภูเก็ต สอบที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านและต่อเนื่องถึงวันที่ 26 พฤษภาคม2566
พ.ต.ท.เสกสรร เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อรวบรวมพยานด้านต่างๆ และ พบกับหินก้อนใหญ่ ขวางทางขึ้น แหล่งขุดดินขาย ก่อนที่จะรับเป็นคดีพิเศษและพบว่ามีการเปลี่ยนหลังคาสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ในพื้นที่เกิดเหตุซึ่งยังมีสภาพใหม่ด้วย
ทั้งนี้การลงพื้นที่ของคณะพนักงานสอบสวนยังเรียกผู้ดำเนินการในการขอออกเอกสารสิทธิ์ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลาและเป็นผู้ครอบครองก้นสร้างทำลายป่าและปลูกยางพารามาสอบในฐานะพยาน นอกจากนั้นยังพบว่า พื้นที่ที่มีการขุดดินขายปัจจุบันถูกก้อนหินขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เครื่องจักรกลหนักยกมาวางปิดทางขึ้น และด้านล่างมีการก่อสร้างผนังหนาหลายสิบเซ็นติเมตรความสูงประมาณ สามเมตร ปิดกั้นระหว่างถนนกับพื้นที่ที่มีการบุกรุกหวังเพื่อป้องกันการเลื่อนไหลของดิน และ ยังพบว่า มีการเลื่อนไหลของดินจากหน้าผาสูงชัน เป็นช่วงๆ นอกจากนั้นยังพบว่า สิ่งปลูกสร้างที่เป็นโรงเรือนยังมีการเปลี่ยนหลังคาจากกระเบื้อง เป็นหลังคาเมทัลชิท ซึ่งเป็นตัวบงชี้ว่า ผู้กระทำความผิดบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลา ยังคงเป็นนายทุน
สำหรับเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดพฤติกรรมการทำลายทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้หน้าดินพื้นที่สูงชันในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลา มาต่อเนื่อง ส่วนเป้าหมายที่มีการเปิดหน้าดินเพื่อต้องการมีถนนตัดผ่านไปยังตำบลเกาะแก้ว เพื่อเพิ่มมูลค่าที่ดิน เนื่องจากบนเทือกเขากมลาในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลา มีการออกเอกสารสิทธิ์ทับป่าด้วยนายทุนแล้วหลายแปลงและสภาพปัจจุบันนี้ที่ดินในจังหวัดภูเก็ตมีการปรับราคาขึ้นสูงกว่าในอดีตหลายเท่าส่งผลให้นายทุนบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าและป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มมากขึ้น