ผู้ว่าฯขอนแก่น กำชับตำรวจ-พณ.และคลัง เร่งตรวจสอบร้านค้าทั้งจังหวัด

หลังกลุ่มมิจฉาชีพอ้างเจ้าหน้าที่รัฐทำทีโทรถามข้อมูลร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก่อนจะเปลี่ยนบัญชีธนาคารโอนเงินเข้าตัวเองแทน หลังพบผู้เสียหายแล้วที่.บ้านไผ่ พร้อมเตือนร้านค้าตรวจสอบคนที่โทรมาหรือบุคคลที่มาขอพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ พบผิดฟันไม่เลี้ยงสาวถึงใครจับกุมหมด ไม่มีละเว้น

จากกรณีที่คนร้ายอ้างตัวว่าเป็นพนักงานธนาคารกรุงไทย และเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดโทรศัพท์เข้ามาที่ร้านค้าที่ร่วมโครงการคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำทีว่าเป็นการตรวจสอบข้อมูลและตรวจสอบระบบการใช้งานของเครื่องรูดบัตร และการโอนจ่ายเงินจากรัฐเข้าสู่บัญชีร้านค้า  โดยเมื่อร้านค้าหลงเชื่อก็จะนำข้อมูลต่างๆที่ได้ไปทำการโอนเงินเข้ากับบัญชีธนาคารตนเอง โดยมีร้านค้าที่ถูกคนร้ายกลุ่มนี้กระทำการหลอกลวงแล้วในพื้นที่ .บ้านไผ่มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นรวมหลายแสนบาทตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.30 .วันที่ 21 ..2564 ที่ศาลากลาง .ขอนแก่น นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและคลังจังหวัดเรียบร้อยแล้ว จึงได้มีการประสานการทำงานร่วมกันเป็นทีมร่วมระหว่างตำรวจ,พาณิชย์จังหวัด,คลังจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดำเนินงานโครงการคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในการตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งจังหวัดว่ามีร้านใด ที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพกระทำการในลักษณะดังกล่าวบ้าง โดยขณะนี้พบว่าเกิดขึ้นแล้วที่ .บ้านไผ่และผู้เสียหายได้แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว

ยังคงย้ำเตือนให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการของรัฐ ได้ระวังการกระทำของมิจฉาชีพที่เกิดขึ้นแล้วในเขตขอนแก่น ซึ่งจัดเป็นพฤติกรรมรูปแบบใหม่ที่มุ่งเน้นการหลอกลวงร้านค้า จึงขอย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการได้ตรวจสอบอย่างละเอียดและแน่ชัดว่าบุคคลที่โทรเข้ามาหาหรือบุคลที่มาที่ร้านนั้นเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ หรือหากไม่มั่นใจสามารถที่จะตรวจสอบกับทางอำเภอหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบได้โดยตรงเพื่อความปลอดภัย ชัดเจนและรัดกุม เนื่องจากพฤติกรรมที่พบคือการอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาขอตรวจสอบข้อมูลและร้านค้าและระบบการเบิกจ่าย ซึ่งเมื่อร้านค้าหลงเชื่อก็จะสอบถามข้อมูลต่างๆจนหมด จากนั้นคนร้ายก็ไปดำเนินการสับเปลี่ยนข้อมูลจนทำให้ระบบการโอนเงินเดิมจากรัฐโอนเข้าบัญชีร้านค้า กลายเป็นจากรัฐโอนมาที่บัญชีของมิจฉาชีพ ซึ่งขณะนี้พบว่าบัญชีที่คนร้ายโอนเงินไป รวมกว่าแสนบาทนั้นอยู่ในพื้นที่.ปทุมธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามตัวแล้ว

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า นโยบายคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งพบว่าเกิดการใช้จ่ายในระดับฐานรากเป็นจำนวนมาก และส่งผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ที่ชัดเจน แต่เมื่อมีกลุ่มมิจฉาชีพมาใช้ช่องว่างและพุ่งเป้าในการก่อเหตุกับร้านค้าในฐานะผู้นำสูงสุดในระดับจังหวัดยอมไม่ได้ ที่จะให้การกระทำของมิจฉาชีพที่มากระทำการทุจริตในแนวนโยบายของรัฐและสร้างความเสียหายให้กับชาวขอนแก่น ดังนั้นจังหวัดพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานของทุกหน่วยงานในการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เอง

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า